Past Simple Life (Thai Version) III
รถของเราเดินทางมาถึงลานหน้าวัดพระบาทน้ำพุแล้ว วัดดูร่มรื่นดี แต่น่าแปลกตรงที่แทนที่จะน่าจะได้กลิ่นธูปเทียนเช่นวันอื่นๆ กลับได้กลิ่นยาเหมือนเป็นโรงพยาบาลเสียแทน ฉันและเพื่อนลงจากรถและตรงไปที่กุฏิเจ้าอาวาส
“กราบนมัสการหลวงพ่อเจ้าค่ะ พวกหนูเป็นคณะที่จะมาบริจาคปัจจัยและของใช้ที่จำเป็นจากกรุงเทพเจ้าค่ะ” ฉันกล่าว
“อ๋อ อาตมาจำได้แล้ว เจริญพรนะโยม เดินทางมาไกล พักเหนื่อยดื่มน้ำกันก่อนเถอะ”
เรานั่งพักผ่อนและสนทนากับเจ้าอาวาสครู่หนึ่ง พอหายเหนื่อย เจ้าอาวาสแนะนำให้เราเข้าไปบริจาคของแก่คนไขที่เตียงนอนด้วยตนเอง
ฉันและเพื่อนๆ กระจายกันบริจาคของตามเตียงคนไข้แต่ละแถวแยกกันไป ฉันได้แถวกลาง คนไข้ที่นี่บางคนมีสภาพน่าสงสารแต่ก็ดูมีกำลังใจและยิ้มแย้มเมื่อฉันนำของเข้าไปให้และได้พูดคุยกับเขา
“เอ๊ะ เตียงใครคะคุณลง เสียดายจังไม่ได้มอบของให้กับมือเขาเอง” ฉันกล่าวถามคุณลุงคนไข้เตียงข้างๆ
“มันไปห้องน้ำนะ เดี๋ยวคงมา อ้าว นั่นไงมาพอดีเลยคุณ อยู่ข้างหลังคุณไง” ลุงตอบ
นัยน์ตาฉันเปิดโพลง จับจ้องอยู่กับภาพชายเบื้องหน้าไม่ละสายตา มือทั้งสองที่ถือของบริจาค จู่ๆ ก็ไร้เรี่ยวแรง ปล่อยให้ของบริจาคตกลงพื้นกระจายไปทั่ว ริมฝีปากฉันเผยอขึ้นแล้วก็เปล่งคำๆ หนึ่งออกมาโดยที่ฉันเองก็ไม่ทันรู้ตัว
“ไนท์”
นัยน์ตาของชายที่ฉันกำลังจ้องมองอย่างไม่ละสายตา เปิดโพลง แสดงอาการตกใจไม่แพ้กัน เมื่อเขาตั้งสติได้ เขาก็เดินหันหลังให้ฉันพร้อมเดินห่างออกไปในทันที กระแสความทรงจำเก่าๆ ไหลย้อนเข้าถาโถมห่วงสำนึกฉันอย่างไม่มีทางหลบหนีได้ ฉันเผลอเอื้อมมือรั้งแขนของเขาไว้เหมือนที่เคยทำมาตลอดช่วงเวลาที่อยู่กับเขาเมื่อเวลาที่เขาพยายามตีจากฉันไป สัมผัสจากมือฉันทำให้เขาสะดุ้งสุดตัวพร้อมสะบัดมือฉันออกอย่างฉับพลัน
“ไนท์ยังรังเกียจเราอยู่อีกเหรอ เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้วนะ ไนท์ยัง…” ฉันกล่าวถามเขาด้วยน้ำเสียงที่น่าสมเพชที่สุด ที่เขาก็ตอบขัดขึ้นมาก่อน
“ปล่าว ไนท์ไม่ได้รังเกียจพี่ แต่คราวนี้ พี่ต้องรังเกียจไนท์”
“ทำไมล่ะ ทำไม” ฉันถามเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือด้วยดวงใจหวั่นไหวที่จะได้ยินคำตอบที่ตัวเองไม่ต้องการ
“พี่คิดว่าไนท์มาอยู่ที่นี่ เพราะอยากมาเที่ยวเหรอไง ไนท์เป็นเอดส์” เขาตอบ
ฉันทรุดตัวลงนั่ง นัยน์ตาพล่ามัวด้วยกระแสน้ำตาที่ไหลพรั่งพรูเหมือนน้ำที่ถูกปล่อยจากเขื่อนบนเขาสูงฉันรู้สึกมึนและหนักศีรษะจนต้องนำมือทั้งสองขึ้นกดบริเวณขมับ หูทั้งสองฟังอะไรไม่ได้ศัพท์ ยินเพียงเสียงเรียกชื่อตนเองแววๆ จากที่ห่างไกลออกไป
“ตะวัน! ตะวัน! เป็นอะไรไป ทำไมนั่งกองกับพื้นอย่างนี้ละ” เสียงเรียกนั่นมาจากกิ่งนั่นเอง
“ลุกขึ้นเร็ว ร้องไห้ทำไมตะวัน” กิ่งพูดต่อ “คุณเป็นใคร ทำไมเพื่อนฉันร้องไห้มากมายขนาดนี้” กิ่งหันไปเล่นงานเขา
“เอ๊ะ… นาย นายมัน… นายมาทำอะไรที่… อ๋อ ฉันพอจะเข้าใจแล้ว สำน้ำหน้า สำส่อนอย่างนายฉันคิดไว้ไม่ผิด สักวันก็ต้องมีจุดจบแบบนี้ สารรูปทุเรศขนาดนี้ ดูสี คราวนี้จะเที่ยวไปหลอกใครเขาได้อีก กิ่งกล่าวโจมตีเขาทันทีที่จำเขาได้
“ไปตะวัน กลับ เพื่อนๆรออยู่ที่รถกันหมดแล้ว พรุ่งนี้เธอต้องทำงานนะ” กิ่งกล่าวแล้วก็ดึงฉันลุกขึ้นจากพื้นแล้วก็พาฉันไปที่รถ
Add a comment
You are not allowed to comment on this entry as it has restricted commenting permissions.