February 02, 2007

God damn pleased to be me.

Work, work, work, every module
But none could be done.
(successfully)

Books, books books, every book i need,
But all I can do is to book and wait.
(in advance and for ages)

Wind, wind, wind, every crash,
But I wonder how I can still survive.
(I am supposed to fall into the lake with the hurricane and be bitten by the ducks)

Snow, snow, snow, every where,
But only one night it did last.
(What for?)

Men, men, men, every where,
But not any is edible.
(Not that they are not handsom but they don’t let me eat them. In other words, I can’t eat them. Satisfied?)

Bars bars bars, every where,
But gotta go back dorm to wash my bars with my f***ing bare hands.
(alone, again again, over and over again)

Press, press, press every time,
But pretty soon my balance will be negative.
(I have to be positive pretty soon then.)

Hello, hello, hello daring every moring (almost)
But they won’t come in my room to get the bins.
(Why do I have to be the one to take the bins for U?)

Complian, complain, complain with every thing,
But I do know we can do it.
And I know we will fight together.
And I know we will be just fine and happy as we always are.

BIG LOVE FOR EVERYONE especially FOR YOU ;)

exy

December 17, 2006

Right or Wrong? This is the question of my song.

Right and wrong, I think I can specify.
Reason and emotion, I think, I can descry.
Love and fancy, I … think, I can espy.
But to love a good person I’ve never seen in my life,
I let my heart fly.

Without hope or agenda.
Without thoughts or consideration.
My hands are so weak.
My heart is so strong.
After such a long battle they fight,
No surprise my heart wins.
My hands, the looser,
They are told to write what the heart wants to say.

(And of course, I know it’s wrong.
So I don’t expect anything good will happen to me this Christmas or New Year, All I need is a chance to tell you this in return.)

As I don’t think I will meet you again;
(At least a lot, at most forever),
As it’s your birthday, the day which will be another special day in my life,
As it’s Christmas,
As it’s New Year,
These three days (in this month) have an affinity.
Yes, they are time for giving.

But I’d like to tell you I won’t give you any gifts.
Not that I don’t want to or anything,
But I just can’t find any better gifts.
For you, I’ve already been giving two best things I can do and I have in my life.
One is Meditation.
One is my Heart.

Thanks for letting my hands done their job.
I think that’s all they want to do.
But for me, it’s the beginning of time to pray,
For your absolute happiness and eternal sunshine days.
And, I will keep my words till the end of my day.

(Thai version is coming pretty soon.)


December 08, 2006

last day of the term

ไม่ได้อัพบลอกนานพอสมควร ไม่น่าเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อ วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการเรียนเทอมแรกที่นี้ เวลาผ่านไปเร็วมากจริงๆ รู้สึกเหมือนตัวเองเพิ่งมาได้ไม่กี่วัน มีอะไรตั้งหลายอย่างที่ไม่รู้ ทำไม่เป็น และยังปรับตัวไม่ได้ แต่เวลาก็ผ่านไปแล้ว คงจะแก้ไขอะไรไม่ได้ คงทำได้แต่ปรับตัวเองให้เร็วและดีที่สุดสำหรับเทอมสองที่กำลังจะผ่านมาและผ่านไปอย่างรวดเร็วอีกเช่นกัน

ถ้าถามว่าได้อะไรบ้างจากการเรียนเทอมแรก แน่นอนคำตอบคงมีหลายด้านทีเดียว ขอตอบไปตามที่จะนึกออกแล้วกันนะ

อย่างแรก เรื่องสำคัญที่สุดที่เขาเสียเงินให้มาทำ คือ เรื่องเรียน ก็ยอมรับว่าค่อนข้างหนักพอสมควรแต่ถ้าให้เทียบตอนป.ตรี โดยเฉพาะช่วงปีสามปีสี่ก็ไม่ได้แตกต่างกันมากเท่าไร ประเด็นคือ ต้องเรียนด้วยตัวเองเยอะมากๆ ตรงไหนไม่เข้าใจก็ต้องพยายามทำความเข้าใจด้วยตัวเอง การเรียนการสอนในห้องไม่ได้ช่วยอะไรมากมายเลยจริงๆ แต่ก็ดีตรงที่ได้ฝึกอ่านหนังสือด้วยตัวเองเยอะมากขึ้น ต่างจากตอนเรียนป.ตรีที่ตอนไม่เข้าใจตรงไหนก็ข้ามไป ไว้รออาจารย์อธิบายในห้อง แต่ที่นี้ไม่มี อ่านและทำความเข้าใจมาเอง อืมมมมมม

เรื่องที่สอง เรื่องไรดี เรื่องทักษะภาษา อืมมมมม น่าเป็นห่วง อ่าน เขียน ฟัง โอเค นะ รู้สึกว่าพัฒนากว่าตอนอยู่เมืองไทย แต่พูดแย่ลงมากทีเดียว ประเด็นคือ ไม่ค่อยได้พูด พูดไม่ทัน ไม่กล้าพูด และ ไม่อยากพูด ผลคือ เป็นใบ้ แต่ก็ไม่หนักหนาอะไรเพราะอาจต้องอยู่อีกนาน ช่วงนี้ขอปรับตัว ปรับใจไปก่อนแล้วกัน

เรื่องต่อมา เรื่องเพื่อน อันนี้ถือว่าโชคดีทีเดียว ได้กัลยาณมิตร (หวานเย็น โน้ต ซิ่ว หยงและคนอื่นๆอีกมากมาย)อยากทำอะไรก็มีเพื่อนไปทำด้วยหมด ตั้งแต่เข้าผับบาร์ เต้นเร่าๆ ไปจนถึงนั่งสมาธิ สนทนาธรรม ประเสริฐดีแท้คะ

เพื่อนที่ไทยทุกคนก็ใช่ย่อยนะคะ โดยเฉพาะส้มและหญิงที่ได้คุยกับบ่อยกว่าอยู่เมืองไทย ขอบคุณจริงๆสำหรับกำลังใจดี ฉันรักแกวะ

อีกเรื่อง เรื่องการกิน อืมมมมมมมมมมมมมมมม เพิ่งรู้ว่าตัวเองเป็นคนกินยากเมื่อมาอยู่ที่นี้แหระ กินยากจริง อะไรก็กินไม่ได้ ต้องทำเองกับเพื่อนๆกันทุกวัน แม่ก็แอบดีใจว่าได้กินของสดๆใหม่ๆร้อนๆ หารู้ไม่ลูกต้องนั่งกินของเน่ามานักต่อนัก ฮือๆ

เรื่องก่อนสุดท้าย เรื่องที่บ้านแล้วกัน ได้ห่างกันเหมือนตอนอยู่ศิลปากร ก็ทำให้เราแสดงความรักต่อกันมากขึ้นนะ หนูรู้ว่าแม่นั่งสมาธิสวดมนต์ให้อยู่บ่อยๆ หนูก็do the same ให้พ่อกับแม่เหมือนกันคะ รักษาสุขภาพละคะ เป็นห่วง

เรื่องสุดท้ายแหระสำหรับเทอมนี้ ได้ลองเอาชนะใจตัวเองในบ้างเรื่อง แต่ไม่ดีใจเลย”หยง” มันทรมานมากจริงๆด้วย แต่เราต้องทำให้ได้นะ เพราะท้ายที่สุด คนที่ต้องเจ็บคือเรา

ขอเชื่อในความดีของตัวเองที่จะทำต่อไปแล้วกัน ว่าสักวันเราจะต้องได้”เจอ”คนดีๆ ประเด็นคือ เจอแล้ว และคงไม่คิดที่จะหยุดความรู้สึกตัวเองด้วย นี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะเอ่ยถึงเรื่องนี้ จนกว่าฉันจะได้ในสิ่งที่ฉันต้องการ


November 29, 2006

only you


November 24, 2006

A and Me

หลายต่อหลายคน มักจะถามเอว่ามี ”แฟนหรือยัง”
หลายครั้ง เอไม่รู้จะตอบคำถามนั้นอย่างไร
หลายหน เอต้องโกหกว่า เอมีแฟนแล้ว ทั้งที่ตัวเองยังไม่มีใคร
หลายที ที่เอกลับมาตั้งคำถามกับตัวเองว่า ทำไมเราไม่มีแฟน

ทุกครั้งที่เห็นภาพถ่ายเพื่อนๆคู่กับแฟน เอจะถามตัวเองเสมอว่า ทำไมเราไม่เคยมีใครถ่ายรูปแบบนี้บ้าง
ทุกครั้งที่เห็นของขวัญวันวาเลนไทน์ ที่เพื่อนและแฟนมอบให้กัน เอก็ยังคงถามตัวเองต่อไปว่า ทำไมเราถึงไม่ได้ของขวัญจากใครเลย
ทุกครั้งที่เห็นเพื่อนและแฟนจับมือกัน เอมองมือตัวเอง และถามต่อไปว่า มือนี้จะมีใครมาจับไหม
ทุกครั้งที่เห็นเพื่อนและแฟนบอกรักกัน ใช่ เอก็ยังไม่อาจหาคำตอบได้ว่า ต่อไปจะมีใครบอกรักเออย่างนั้นบ้างหรือป่าว

และแล้ววันหนึ่งหลังจากที่เอต้องเดินฝ่าฝนกลับบ้าน และต้องเสียเวลาไปมากมายเพราะหลงทาง แต่ท้ายที่สุดเอก็เจอคนที่น่าจะให้คำตอบทั้งหมดกับเอได้

เอรีบร้อนและคาดคั้นคำตอบจากเขามากเกินไป สุดท้ายเอเลยไม่ได้คำตอบ

แต่น่าแปลกที่แม้เอไม่ได้คำตอบจากเขา แต่เอกลับตอบคำถามทั้งหมดได้ด้วยตัวเอง

หลายต่อหลายคน ที่ถามเอว่ามี ”แฟนหรือยัง”
ครั้งนี้ เอรู้แล้วว่าจะตอบคำถามนั้นอย่างไร
ครั้งนี้ เอไม่ต้องโกหกว่า เอมีแฟนแล้ว ทั้งที่ตัวเองยังไม่มีใคร
ครั้งนี้ เอตอบได้แล้วว่า เอมีคนที่เอรัก

ทุกครั้งที่เห็นภาพถ่ายเพื่อนๆคู่กับแฟน แม้รูปถ่ายของเอยังคงโดดเดียว แต่กรอบรูปข้างๆที่วางอยู่ติดกัน คือรูปของคนที่เอรัก
ทุกครั้งที่เห็นของขวัญวันวาเลนไทน์ ที่เพื่อนและแฟนมอบให้กัน แม้เอจะยังคงไม่ได้ของขวัญจากใคร แต่เอเก็บของขวัญที่เอตั้งใจทำให้คนที่เอรักทุกปี ทำไมเอไม่ให้เขา? เอรู้ว่าคงไม่เหมาะที่จะให้ของขวัญวาเลนไทน์กับคนที่เอรักที่เขาก็มีคนที่เขารักอยู่แล้ว
ทุกครั้งที่เห็นเพื่อนและแฟนจับมือกัน มือของเอก็ยังคงวางเปล่า แต่เอมีปากกาด้ามหนึ่งที่เอเก็บไว้กับตัวตลอด ปากกาด้ามนี้ เป็นด้ามที่คนที่เอรักเคยใช้ ทุกครั้งที่สัมผัสปากกาด้ามนี้ นี่แหละเป็นการสัมผัสมือกันระหว่างเขากับเอ
ทุกครั้งที่เห็นเพื่อนและแฟนบอกรักกัน ใช่ เอก็ยังไม่มีใครบอกรักเอ แต่เอบอกรักคนที่เอรักผ่านกรอบรูปบานนั้นทุกวัน

ฉันรู้จักเอมานาน และฉันก็รักเอ ฉันไม่อยากเห็นเอไม่มีความสุข แต่ฉันก็มองไม่ออกจริงๆว่าสิ่งที่เอทำ เอมีความสุขจริงๆหรือป่าว

ฉันได้แต่บอกเอว่า ถ้าเอทุกข์ ฉันขอให้เอหยุดทำ แต่ก็อีกนั่นแหละ เราสนิทกันมากเกินไป เอไม่ฟังสิ่งที่ฉันพูดหรอก

ฉันรู้ว่า วันหนึ่ง ถ้าฝนตกหนักมากๆ เอจะหลงทางอีก แต่เอจะไม่มีวันลืมเส้นทางที่เอได้เลือกไว้แล้ว

แล้วอย่างนี้เอจะเดินทางถึงจุดหมายไหม ฉันเองก็ไม่รู้ ฉันรู้เพียงแต่ว่า ไม่ว่าอย่างไร ฉันศรัทธาในความมั่นคงของเอ


November 21, 2006

This song, this momemt, this ONE.


November 20, 2006

Do I deserve the best? Yes, I do. But I have to be the best first.


November 17, 2006

Truly sorry.

Actually, it’s not that long. But I feel so sorry and … I again …


November 14, 2006

A sinner who has soul.


November 11, 2006

Past Simple Life (Thai Version) I

*ถนน*
เสียงนาฬิกาดังขึ้น ปลุกฉันจากฝันร้ายที่ไม่ได้ฝันถึงมานานหลายสิบปี เมื่อคืนฉันคงกินมากเกินไปเลยฝันอะไรเลอะเทอะ ไร้สาระ วันนี้เป็นวันดี ฉันต้องสลัดความกังวลใจทิ้งไปเพราะถึงอย่างไรมันก็เป็นเพียงความฝัน มันไม่อาจเกิดขึ้นจริงได้อีกแล้วในชาตินี้
“มาแต่เช้าเชียวตะวัน เรื่องทำบุญทำนานนี้ไม่เคยขาดเลยนะ ระวังบุญทับตายนะโว้ย” กิ่งกล่าวทัก เมื่อเห็นฉันเดินเข้าบ้าน บ้านกิ่งมักเป็นสถานที่นัดพบของเพื่อนๆ ในกลุ่มก่อนที่จะออกไปทำกิจกรรมด้วยกันเสมอๆ และครั้งนี้ก็เช่นกัน
“ปากเสียแต่เช้าเลยนะกิ่ง เธอนี้มันจริงๆ เลย จะไปทำบุญอยู่แล้วยังพูดจากวนโมโหอีก” ฉันบ่น
“แหม คบกันมาเป็นสิบๆปี ยังไม่ชินอีกหรือไง ปากฉันมันก็เสียอย่างนี้มาชาติเศษแล้ว” กิ่งเถียง
“จ้าๆ แม่ปากไม่มีหูรูด อืม แล้วคนอื่นมากันหรือยัง” ฉันถาม
“ยังเลย ใครเขาจะมาตั้งแต่ไก่ยังไม่ทันล้างหน้าแปรงฟันเตรียมตัวโห่อย่างเธอ มานี้มา มาช่วยฉันจัดของบริจาคดีกว่า” กิ่งกวักมือเรียก
กิ่งและฉันเป็นเพื่อนรักกันมานาน เรารู้เรื่องราวทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตของอีกฝ่าย ทั้งดีและ ไม่ดี ครั้งนี้ กิ่งกับฉันและเพื่อนคนอื่นๆ ในกลุ่ม ตัดสินใจจะไปทำบุญด้วยกันที่วัดพระบาทน้ำพุ จังหวัดลพบุรี เพื่อนคนหนึ่งเป็นคนออกความคิดเห็นว่า พวกเรามักจะทำบุญกับเด็กด้อยโอกาส คนพิการ หรือไม่ก็คนชรา แต่เราไม่เคยช่วยเหลือคนกลุ่มนี้เลย ฉันและเพื่อนๆ ในกลุ่มต่างก็เห็นด้วย คนกลุ่มนี้แม้จะอยู่ได้ไม่นานนักและสิ่งที่พวกเราทำอาจช่วยเหลืออะไรไม่ได้มาก แต่อย่างน้อย การที่เราเข้าไปช่วยเหลือเขาโดยไม่แสดงท่าทีรังเกียจ ก็น่าจะทำให้เขารู้สึกมีความสุขและมีกำลังใจต่อสู้กับโรคร้ายได้ โรคที่นอกจากจะทำลายร่างกายของเจ้าของที่มันอาศัยอยู่ ก็ยังทำลายจิตใจของเจ้าของให้หดหู่ทุกข์ทรมาน ที่ต้องนั่งรอความตายเพียงอย่างเดียว มิหนำซ้ำยังต้องเจ็บป่วยจากท่าทีรังเกียจของคนอื่นๆ อีกด้วย วัดนี้เป็นสถานที่หนึ่งที่พยาบาลรักษาคนไข้กลุ่มนี้ ผู้ที่ต้องทุกข์ทรมานจากโรคเอดส์ น่าเสียดายตรงที่วัดนี้ไม่น่าอยู่ในจังหวัดนี้เลย ไม่เช่นนั้นฉันคงสบายใจในการไปทำบุญครั้งนี้มากกว่านี้

ล้อรถที่เราใช้เป็นยานพาหนะเริ่มหมุนเมื่อเพื่อนร่วมเดินทางมาครบ แต่กงล้อในใจฉันกลับหมุนถอยหลังพาห่วงสำนึกของฉันย้อนกลับไปสู่อดีต ยิ่งใกล้จังหวัดลพบุรีมากเท่าไร ภาพความทรงจำที่เป็นเหมือนฝันร้ายก็ยิ่งชัดเจนขึ้นทุกขณะ

“เป็นอะไรตะวัน นั่งนิ่งเชียว บอกแล้วว่าให้ไปที่อื่นก็ไม่เชื่อ” กิ่งกระซิบถาม
ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย เธอนะคิดมาก คงแค่เมารถ เดี๋ยวหลับสักงีบคงดีขึ้น ฉันรีบหลับตาแล้วปรับเบาะที่นั่งเอนลงเล็กน้อย ทำทีท่าเคลิ้มหลับกลบเกลื่อนความรู้สึกที่แท้จริงในจิตใจ
“เธอเคยเมารถที่ไหน นึกว่าฉันรู้ไม่ทันเหรอ ตะวัน” กิ่งบ่นพึงพำก่อนที่จะหลับตาของเธอลงเช่นกัน
ฉันเบนหน้าออกทางหน้าต่าง ป้ายทางหลวงบอกระยะทางยิ่งใกล้จังหวัดลพบุรีเข้าไปทีไร จิตใจฉันก็ยิ่งว้าวุ่น สับสน ฉันทำได้แต่เพียงพยายามสะกดความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ให้ได้มากที่สุด ก่อนจะเป็นที่ผิดสังเกต

ลพบุรีเป็นจังหวัดบ้านเกิดของคนที่ฉันรัก เราคบกันเกือบหนึ่งปีแต่ก็มีเหตุต้องเลิกรากันไป เหตุที่ความสัมพันธ์ของเราจบลงไม่สวยงามนัก ภาพเหตุการณ์เก่าๆ จึงเป็นเหมือนฝันร้ายที่ติดตามหลอกหลอนฉันอยู่เป็นเวลาหลายปี เราสองคนแตกต่างกันมากเกินไป ฉันเคยอ่านเรื่องสั้นเรื่องหนึ่งชื่อ “A Fiddler on the Roof” ในเรื่องผู้เป็นพ่อกล่าวตักเตือนลูกสาววัยแรกรุ่นที่กำลังปลงใจแต่งงานกับชายหนุ่มต่างชาติต่างภาษาว่า “A bird may love a fish, but where could they build a home
together ?” ถ้าแปลเป็นไทยก็น่าจะแปลได้ว่า “วิหคอาจหลงรักมัจฉา หากแต่มีที่ใดที่มันจะสร้างวิมานอยู่ร่วมกันได้”
ตอนนั้นฉันยังไม่เข้าใจความหมายของประโยคนี้อย่างถ่องแท้นัก จนกระทั่งได้มาประสบด้วยตนเอง บางทีถ้าคนสองคนมีธรรมชาติที่แตกต่างกันมากเกินไป ก็อาจเป็นเรื่องยากที่คนสองคนนั้นจะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข การที่ต่างฝ่ายต่างฝืนตนเองเพื่อพยายามที่จะได้อยู่ด้วยกัน อาจเป็นการทำร้ายให้อีกฝ่ายหนึ่งต้องเจ็บปวดทุกข์ทรมานก็เป็นได้ และก็อาจเป็นฉนวนทำให้ความรู้สึกและความสัมพันธ์ที่ดีงามต้องพังทลายลงไปในชั่วพริบตา

ฉันเดินทางมาไกลเท่าไรแล้วก็ไม่รู้ เหลือบตามองริมถนน ป้ายทางหลวงบอกระยะทางใกล้เข้าจังหวัดลพบุรีมากขึ้น ภาพอดีตก็กลับชัดเจน แจ่มใสในห่วงสำนึกของฉันมากขึ้นเช่นกัน


October 2023

Mo Tu We Th Fr Sa Su
Sep |  Today  |
                  1
2 3 4 5 6 7 8
9 10 11 12 13 14 15
16 17 18 19 20 21 22
23 24 25 26 27 28 29
30 31               

Search this blog

Tags

Galleries

Most recent comments

  • กรี๊ดๆๆๆๆๆ อารายจ๊ะเนี่ย เผลอแป๊บเดียว แอบไปทำสวยมาเรอะ 5555555 ได้ข่าวว่าไปเรียนการแปลไม่ใช่หรอ ไหง… by Som on this entry
  • by mama de la Ho-ya on this entry
  • Fat Fat Fat Me and Note (Not you na) Su Su Su woy woy woy by on this entry
  • reminds me of W.H. Auden's "Funeral Blues" will wait for Thai version na by on this entry
  • _ by sayamon777@hotmail.com on this entry

Blog archive

Loading…
RSS2.0 Atom
Not signed in
Sign in

Powered by BlogBuilder
© MMXXIII